วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

แนะนำหนังสือที่น่าสนใจ

แนะนำหนังสือที่น่าสนใจ

1.หนังสือเรื่อง จริยธรรมทางธุรกิจ
จินตนา บุญบงการ.(2554). จริยธรรมทางธุรกิจ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

เนื้อหาโดยสังเขป
สถานการณ์เศรษฐกิจของโลกปัจจุบันมีวิกฤติที่รุนแรง สาเหตุหลักที่แท้จริงเกิดจากความไม่มีจริยธรรม ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่นึกถึงส่วนรวมของผู้บริหาร ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่จะต้องแก้ไขจากจิตสำนึกของผู้บริหารในทุกระดับ ให้มีความรู้สึกว่าจริยธรรมทางธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน เพื่อประโยชน์สุขของสังคมอย่างยั่งยืน หนังสือจริยธรรมทางธุรกิจเล่มนี้ ได้ชี้ให้เห็นปัญหาและผลกระทบของปัญหาเรื่องจริยธรรมทางเศรษฐกิจของโลกส่วนรวม และผลกระทบถึงสังคม เศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย การจะได้รับประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ จะต้องศึกษา วิเคราะห์ และนำไปประยุกต์ปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อประโยชน์สุขของสังคมอย่างยั่งยืน

2.หนังสือเรื่อง มนุษย์ยุคใหม่
ปริญญา ตันสกุล.(2556).มนุษย์ยุคใหม่. กรุงเทพฯ: จิตจักรวาล.

เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือ "มนุษย์ยุคใหม่" เล่มนี้ ได้รวบรวมข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ทุกคน เป็นข้อมูลความรู้ที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ยุคปัจจุบัน ที่จะช่วยในการตัดสินใจใน "การเลือก" ซึ่งมนุษย์เราทุกคนต้องเลือกและคุณก็เลือกได้ เพราะคุณก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของดาวเคราะห์โลกเสรี ที่สามารถเลือกจะเป็นหรือจะทำอะไรทุกอย่างที่เกี่ยวกับตนเองได้เสมอ ถ่ายทอดด้วยสำนวนภาษาที่เข้าใจง่าย ทำให้คุณมีความรู้เพิ่มขึ้นหลายประการ สามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี

3.หนังสือเรื่อง เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
ศรีไพร ศักดิ์รุ่งพงศากุล.(2547).เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ. กรุงเทพฯ:ซีเอ็ดยูเคชั่น.

เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ เจาะลึกเนื้อหาและตัวอย่างการใช้งานจริงในปัจจุบัน ครอบคลุมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด มีรูปภาพประกอบการอธิบายเพื่อให้ผู้อ่านได้เรียนรู้และทำความเข้าใจง่าย พร้อมแบบทดสอบความรู้ประจำบท เหมาะใช้เป็นแบบเรียนหรือสำหรับบุคคลทั่วไปก็สามารถศึกษ

4.หนังสือเรื่อง สนุกกับงานวิจัย
สุธีระ ประเสริฐสรรพ์.(2551).สนุกกับงานวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 5).กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.

เนื้อหาโดยสังเขป
สนุกกับงานวิจัยเล่มนี้จะช่วยให้ข้อคิดและวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับงานวิจัย ช่วยให้ผู้อ่านนำไปใช้ประโยชน์ต่อการผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ ชื่อหนังสือที่มีตัวสะกด สกว. อยู่ด้วยเล่มนี้ เป็นผลงานขายดีลำดับแรกๆ และยังคงขายดีอย่างต่อเนื่องของ สกว. ยืนยันได้จากการตีพิมพ์ครั้งที่ 1 ที่ขายหมดอย่างรวดเร็ว จนต้องพิมพ์ใหม่เป็นครั้งที่ 2 , 3 ,4 และ 5 ซึ่งจุดเด่นของหนังสืออยู่ที่เนื้อหาที่ไม่เคร่งเครียด อ่านแล้วสนุก น่าติดตาม แต่แฝงไว้ด้วยสาระและแง่คิดอันเป็นประโยชน์ในการทำวิจัย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนิสิตนักศึกษารวมทั้งนักวิจัยรุ่นใหม่และรุ่นเก่า

5.หนังสือเรื่อง ออกแบบและสร้างเว็บสวยด้วยตนเอง
ฐิตารัตน์ รัชตะวรรณ.(2547).ออกแบบและสร้างเว็บสวยด้วยตนเอง: step by step.นนทบุรี: ไอดีซี อินโฟดิสทริบิวเตอร์ เซ็นเตอร์.

เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการหัดสร้างเว็บไซต์เป็นของตนเองอย่างรวบรัดและเข้าใจง่าย โดยใช้โปรแกรม Dreamweaver MX 2004 ซึ่งเนื้อหาจะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนที่แนะนำวิธีการออกแบบเว็บไซต์ของเราให้สวยงามสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพเคลื่อนไหว การสร้างปุ่ม การสร้างลิงค์ ด้วยโปรแกรมสร้างและตกแต่งภาพกราฟิกยอดนิยมอย่าง Photoshop และ ImageReady และอีกส่วนคือวิธีการประกอบรูปภาพและข้อความต่างๆ ขึ้นมาเป็นเว็บไซต์ตามที่เราต้องการ อีกทั้งยังสอนการใส่ลูกเล่นเท่ๆ สวยๆ อย่างตัวนับ, สมุดเยี่ยมชม, กระดานสนทนา, Poll เป็นต้น ให้กับเว็บไซต์ของคุณด้วย JavaScript ไปจนถึงวิธีการขอพื้นที่โฮมเพจเพื่อนำหน้าเว็บเพจที่สร้างเสร็จขึ้นไปแสดงบนอินเตอร์เน็ตให้คนอื่นๆ ได้ชม พิเศษ 4 สีทั้งเล่ม

6.หนังสือเรื่อง วิธีช่วยให้เด็กรักการอ่าน
จิระประภา บุณยนิตย์, ละออ ชุติกร และ ศรีสมบัติ เทพกาญจนา.(2551).วิธีช่วยให้เด็กรักการอ่าน.กรุงเทพฯ:สุวีริยาสาส์น.

เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือเรื่อง "วิธีช่วยให้เด็กรักการอ่าน" เล่มนี้ ผู้เขียนมุ่งหมายจะให้ใช้เป็นหนังสืออ่านประกอบการศึกษาวิชาที่เกี่ยวกับวรรณกรรมสำหรับเด็กเล็ก และแนะนำผู้ปกครองในการเลือกหนังสือภาพ หนังสือนิทาน การใช้หนังสือและการเล่านิทานกับเด็กก่อนวัยเรียน นอกจากนั้นยังได้แนะนำวิธีใช้บทร้อยกรองและปริศนาคำทายกับเด็กเพื่อกระตุ้นให้เด็กได้คุ้นเคยและสนุกกับความไพเราะของภาษา อันจะนำไปสู่ความสนใจและชอบที่จะอ่านหนังสือ ผู้เขียนจึงมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้ใหญ่เข้าใจธรรมชาติและความต้องการของเด็กในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ เพื่อจะได้ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับเด็ก

7.หนังสือเรื่อง เจาะลึกลงโฆษณา face book
วิทยา มาลารัตน์.(2558).เจาะลึกลงโฆษณา face book.กรุงเทพฯ:พาสเทล พับลิชชิ่ง.

เนื้อหาโดยสังเขป
ทุกวันนี้โฆษณาบนเฟซบุ๊กมีความสำคัญต่อแฟนเพจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการขายของหรือโปรโมทแบรนด์สินค้า ล้วนต้องใช้โฆษณาเฟซบุ๊คเข้ามาช่วย เพราะถ้ามัวแต่รอให้คนเข้ามาแบบเดิมๆ นั้นคงไม่ได้แล้ว หนังสือเล่มนี้ จึงได้เปิดเผยสุดยอดเทคนิคการลงโฆษณาบน Facebook แนะนำสุดยอดเทคนิคในการลงโฆษณาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ประหยัดเงิน ราคาถูก และคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป ซึ่งเทคนิคทั้งหมดนี้ล้วนกลั่นมาจากประสบการณ์จริงจากลงโฆษณาของผู้เขียน และได้รวบรวมเทคนิคต่างๆ แบบเจาะลึก นำเสนอด้วยเนื้อหาที่เข้าใจง่าย สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จและก้าวกระโดดให้สูงขึ้นจากคู่แข่งของคุณ

8.หนังสือเรื่อง วิธีพูดกับทุกคนในทุกสถานการณ์
Lowndes , Leil .(2558).วิธีพูดกับทุกคนในทุกสถานการณ์.กรุงเทพฯ:วีเลิร์น.

เนื้อหาโดยสังเขป
คุณเคยรู้สึกชื่นชมใครบางคนที่ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จไปเสียทุกอย่างหรือเปล่า คุณเห็นพวกเขาพูดคุยอย่างมั่นใจในงานสังคมและการประชุมทางธุรกิจ ผู้คนรายล้อมรอบตัวพวกเขาด้วยความสนใจ พวกเขาล้วนแล้วแต่มีหน้าที่การงานใหญ่โต มีคนรักที่สมบูรณ์แบบ และมีแต่เพื่อนฝูงดีๆ แต่ความลับก็คือ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้เหนือกว่าคุณหรอก พวกเขาแค่ล่วงรู้กลเม็ดการสนทนาบางอย่างที่รู้กันในหมู่ผู้ที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น! หนังสือเล่มนี้จะเปิดเผยเคล็ดลับเหล่านั้นด้วยภาษาที่อ่านสนุกและเข้าใจง่าย ซึ่งจะพลิกให้คุณเป็นต่อในทุกสถานการณ์ที่ต้องพูดคุยกับใครสักคน สำหรับผู้ที่ต้องการความสำเร็จในการพูด คุณไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้!

9.หนังสือเรื่อง เมนูนานาชาติ
สมมาตร์ บุนนาค.(2557).เมนูนานาชาติ.กรุงเทพฯ: อมรินทร์ Cuisine.

เนื้อหาโดยสังเขป
เผยสูตรอาหารนานาชาติจำนวน 50 เมนู อธิบายวิธีทำง่ายๆ บอกจำนวนที่ทำได้ และราคาขายต่อจาน การเลือกทำเลที่เหมาะสม เพื่อทำธุรกิจขายอาหาร แหล่งซื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับการทำธุรกิจนั้นๆ เช่น จาน ชาม ถาดอุ่นอาหาร เป็นต้น พร้อม สูตรการคำนวณต้นทุนการทำ แหล่งซื้อของสด ของแห้ง จำนวนมาก / ราคาถูก ราคาของสดจากตลาดกลาง และเคล็ดลับการค้าขายให้รวยจากร้านชื่อดังต่างๆ ในส่วนท้ายเล่ม สำหรับท่านที่กำลังคิดจะเปิดร้านอาหาร หนังสือเล่มนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณ

10.หนังสือเรื่อง คู่มือทำเงินด้วยการลงทุน
ไม้ไต่คู้.(2557).คู่มือทำเงินด้วยการลงทุน.กรุงเทพฯ: Dream & Passion.

เนื้อหาโดยสังเขป
พี่เม่าและเดอะแก็งค์ จะถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องของการลงทุน ในรูปแบบการ์ตูนที่อ่านเข้าใจง่าย แต่เข้มข้นด้วยสาระ ปูพื้นฐานที่สำคัญของการลงทุน ตั้งแต่การออมเงิน การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ อาทิ หุ้น พันธบัตร หุ้นกู้ กองทุนรวม กองทุนอสังหา LTF/RMF อธิบายครอบคลุมครบทุกประเด็นของการลงทุนแต่ละประเภท เพื่อเป็นตัวช่วยสำคัญให้เข้าใจการลงทุนมากขึ้น และเลือกลงทุนได้อย่างมั่นใจ

11.หนังสือเรื่อง อาหารไทยครบรส
วิไลลักษณ์ อิสระมงคลพันธุ์.(2550).อาหารไทยครบรส.กรุงเทพฯ: แม่บ้าน.

เนื้อหาโดยสังเขป
รวมสูตรเมนูอาหารไทยเลิศรสหลากหลายเมนูด้วยกัน ทั้งประเภทแกงจืด ต้มยำ แกงส้ม แกงคั่ว แกงเผ็ด แกงเลียง ยำ ผัด นึ่ง ทอด อาหารจานเดียว ผัด นึ่ง ทอด และประเภทเครื่องจิ้ม ที่คัดสรรมาแล้วอย่างดีสำหรับคุณ พร้อมส่วนประกอบ ขั้นตอนวิธีการทำที่เข้าใจง่าย มีภาพประกอบสี่สีสวยงามชัดเจน ซึ่งคุณสามารถปฏิบัติตามได้ทันที ผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารโดยเฉพาะอาหารไทย และผู้ที่กำลังจะเปิดร้านอาหารไทยไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้

12.หนังสือเรื่อง คิดแบบคนธรรมดาไปทำไม คิดแบบคนที่สำเร็จง่ายกว่า
กองบรรณาธิการนิตยสาร Secret.(2558).คิดแบบคนธรรมดาไปทำไม คิดแบบคนที่สำเร็จง่ายกว่า.กรุงเทพฯ:อมรินทร์ How To.

เนื้อหาโดยสังเขป
ทุกคนย่อมต้องการความสำเร็จในชีวิต ทว่าหนทางที่จะทำให้ความฝันเป็นจริงนั้น ยังคงเป็นปริศนาที่แต่ละคนต้องค้นหาคำตอบกันเอง เพราะไม่มีโรงเรียนใดเปิดสอนวิชาความสำเร็จ การศึกษาประวัติชีวิต และแนวคิดของผู้ที่ประสบความสำเร็จ จึงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยย่นระยะทางให้กับผู้ที่กำลังเดินทางตามหาความสำเร็จ ดังเช่น เรื่องราวชีวิตของ 50 คนดังที่รวบรวมจากคอลัมน์ ADMIRABLE ONE ในนิตยสาร Secret โดยเรื่องราวชีวิตของคนดังทั้ง 50 คนนั้นถูกแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ตามแนวทางความสำเร็จของแต่ละคน มาร่วมถอดรหัสชีวิตและความคิด 50 คนดังระดับโลก ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณพลิกชีวิตสู่ความสำเร็จไปกับ "คิดแบบคนธรรมดาไปทำไม คิดแบบคนที่สำเร็จง่ายกว่า" เล่มนี้กันเถอะ!

13.หนังสือเรื่อง รวยด้วยเงินออม ใครๆ ก็ทำได้
ปาจรีย์ ปานขาว.(2557).รวยด้วยเงินออม ใครๆ ก็ทำได้.กรุงเทพฯ: อมรินทร์ How To.

เนื้อหาโดยสังเขป
เมื่อพูดถึงการเงินส่วนบุคคลหรือการบริหารการเงิน คนมักพุ่งเป้าไปที่ ทำอย่างไรจึงจะหาเงินมาให้ได้มากที่สุด หรือจะใช้จ่ายอย่างประหยัดอย่างไร จะลงทุนอย่างไร แต่สิ่งสำคัญที่ทุกคนต่างมองข้ามคือ "การออม" ทั้งที่ความจริงแล้ว การตั้งเป้าหมายของการออมอาจทำให้คุณเก็บเงินได้มากกว่าเดิมทั้งที่รายรับเท่าเดิมก็ได้ หนังสือเล่มนี้จะมาช่วยคุณในการปรับทัศนคติเรื่องการออม จัดการหนี้สิน ค่อยๆ อ่าน แล้วเราจะได้เห็น "ปาฏิหาริย์แห่งการออม" แน่นอน

14.หนังสือเรื่อง สูตรลัดขจัดสิวให้หน้าใสเป๊ะ
พี่ธันญ่า.(2556).สูตรลัดขจัดสิวให้หน้าใสเป๊ะ.กรุงเทพฯ: gift.

เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือ "สูตรลัดขจัดสิวให้หน้าใสเป๊ะ" เล่มนี้ นำเสนอเรื่องราวการดูแลรักษาสิวอย่างถูกวิธี โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของการเกิดสิว แล้วจึงต่อด้วยวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดสิว พร้อมสูตรบำรุงผิวหน้าที่จะช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาเนียนใส หลังจากที่สิวได้จากไป แต่ยังคงทิ้งร่อยรอยไว้ให้ดูต่างหน้า รวมไปถึงการดูแลสุขภาพผิวจากภายใน ที่ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตั้งแต่ต้นตอของการเกิดสิว ผ่านตัวละครที่เป็นการ์ตูน ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิว ฝ้า กระ และริ้วรอย รวมไปถึงจุดด่างดำที่เกิดจากการขจัดสิวแบบผิดวิธี

15.หนังสือเรื่อง น้ำผักผลไม้ชะลอวัย 162 สูตรสวยจาก "ซูเปอร์เอนไซม์"
อุเอคิ โมโมโกะ.(2557).น้ำผักผลไม้ชะลอวัย 162 สูตรสวยจาก "ซูเปอร์เอนไซม์" (พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ:
อมรินทร์สุขภาพ.

เนื้อหาโดยสังเขป
น้ำผักผลไม้คั้นสด รสชาติอร่อย ให้ความสดชื่น เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ ยิ่งเมื่อมีกระแสการกินเพื่อสุขภาพ คุณค่าของน้ำผักผลไม้ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงคุณสมบัติของ "เอนไซม์" ในน้ำผักผลไม้ ที่ช่วยปรับสมดุลของระบบทำงานภายในร่างกาย เสริมสุขภาพ ป้องกันและรักษาโรคภัย การดื่มน้ำผักผลไม้เพื่อเสริมเอนไซม์ก็ยิ่งเป็นที่นิยมขึ้นไปอีก มาทำความเข้าใจเรื่องการรักษาและสกัดคุณค่าจากน้ำผักผลไม้ที่ถูกวิธี เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพของเอนไซม์ที่ยังมีชีวิต และสารอาหารทั้งหมดในผักผลไม้จะยังคงอยู่อย่างครบถ้วนจนกระทั่งกลายเป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่ทั้งมีคุณค่า และดื่มอร่อยในคราวเดียว    
หนังสือเล่มนี้จึงได้รวบรวมสูตรน้ำผักผลไม้ทำง่ายกว่าร้อยสูตร เพื่อความงาม บำบัดและป้องกันอาการป่วยต่างๆ ตลอดจนรักษาร่างกายให้แข็งแรง พร้อมคำแนะนำคุณสมบัติและสรรพคุณของสารอาหารชนิดต่างๆ ไว้อย่างละเอียด พร้อมภาพตัวอย่างประกอบชัดเจน สำหรับผู้ที่รักสุขภาพทุกท่านไม่ควรพลาด!





วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558

แนะนำสถานที่ดูงาน จังหวัดเชียงใหม่ , เชียงราย

แนะนำสถานที่ดูงาน จังหวัดเชียงใหม่ , เชียงราย


โดย นายรุ่งโรจน์   อยู่เอี่ยม


1.วัดร่องขุ่น


ประวัติและความเป็นมา
วัดร่องขุ่น เป็นวัดที่สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินของจังหวัดเชียงราย เพื่อมุ่งสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองและประกาศความยิ่งใหญ่ต่อคนทั้งโลกเพื่อถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติในนาม "White Temple" ระยะเวลาในการสร้างนั้นไม่มีกำหนดจนกว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งได้วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วทั้งลูกศิษย์ที่สานต่อและทุนทรัพย์ ประชาชนคนไทยต้องหาโอกาสสักครั้งเพื่อมาชมวัดร่องขุ่น งานพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ให้ได้

วัดร่องขุ่น เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้นแนวหน้าของไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจาก3 สิ่งต่อไปนี้คือ
1. ชาติ : ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
2. ศาสนา : ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา

3. พระมหากษัตริย์ : จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ลักษณะเด่นของวัดร่องขุ่น

คือพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยสีขาวเป็นพื้น ประดับด้วยกระจกแวววาววิจิตรงดงามแปลกตา บนปูนปั้นเป็นลายไทย โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถก็เป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง


2.สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

ประวัติ

มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงรายเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งมีภารกิจหลักที่ สำคัญ คือการผลิตบัณฑิตและพัฒนาคนที่มีคุณภาพโดยการให้โอกาสประชาชนทุกระดับได้มีโอกาสทางการศึกษาและนอกจากนี้ มหาวิทยาลัยฯยังคงได้กำหนดทิศทางการพัฒนาในการสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สังคม  ด้วยการให้บริการวิชาการแก่สังคมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากรและภาคส่วนต่างๆ  การให้บริการวิชาการแก่สังคม จึงเป็นภาระหน้าที่ที่สำคัญของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายอีกด้านหนึ่ง โดยในปี พ.ศ.2543 มหาวิทยาลัยฯ จึงได้ก่อตั้งสำนักบริการวิชาการแก่สังคมขึ้น โดยมีหน้าที่ให้ บริการวิชาการแก่สังคม ในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการทำหน้าที่เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน และเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งการให้บริการวิชาการแก่สังคมดังกล่าว ได้ดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย คือ ยุทธศาสตร์การพัฒนาไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น และ ยุทธศาสตร์ด้านการบริการวิชาการแก่สังคม


ต่อมาในวันที่ 10 มีนาคม 2548 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จึงได้ประกาศ จัดตั้งหน่วยงานระดับโครงการจัดตั้งในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง หน่วยงานของ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เมือวันที่ 5 พฤศจิกายน 2549 ซึ่งสำนักบริการวิชาการแก่สังคมเป้นอีกหน่วยงาน หนึ่งที่ได้รับการประกาศจัดตั้ง และทางคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย ได้เห็นชอบในการกำหนดค่าน้ำหนัก มาตรฐานในการประเมินคุณภาพภายนอก เพื่อการรับรองมาตรฐานการศึกษาระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัย ราชภัฏเชียงราย พ.ศ. 2549 คือ มาตรฐานด้านการบริการวิชาการ ซึ่งได้กำหนดค่าน้ำหนักของสถานศึกษา คิดเป็นร้อยละ 35 ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญของสำนักบริการวิชาการที่จะต้องดำเนินงานเพื่อตอบสนอง ยุทธศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยฯ เพื่อให้เกิดการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริงต่อไป



3.พระธาตุดอยตุง พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง

 พระธาตุดอยตุง


ดอยตุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเด่นของเชียงราย อยู่เหนือจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 45 กิโลเมตร  ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ลักษณะเป็นเทือกเขาสูงทอดตัวยาวอยู่ทางด้านซ้ายของเส้นทางที่มุ่งไปอำเภอแม่สาย แต่เดิมเป็นเทือกเขาหัวโล้นที่ถูกชาวเขาตัดทำลายเพื่อใช้พื้นที่ทำการเกษตร  จนกระทั่งสมเด็จย่าได้เสด็จมายังดอยตุงและทรงมีพระราชดำรัสว่า ฉันจะปลูกป่าดอยตุง  หลังจากนั้นในปี 2530  รัฐบาลจึงได้เริ่มจัดทำโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้นโดยปลูกป่าคืนความสมบูรณ์กลับคืนสู่ธรรมชาติ ได้ดึงชาวเขาเข้ามาทำงานในโครงการปลูกป่าดอยตุง  แต่ก่อนนั้นเส้นทางขึ้นดอยตุงเป็นเส้นทางลอยฟ้า คือเมื่อนั่งรถบนถนนดอยตุงแล้วมองลงมาก็จะเห็นวิวโล่งๆ ไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ แต่ในปัจจุบันนี้ดอยตุงกลับคืนสภาพเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งเมื่อนั่งรถไปตามเส้นทางขึ้นดอยตุงจะเห็นแต่ต้นไม้แน่นขนัดนั่นล้วนเป็นป่าปลูกทั้งสิ้น  หลังจากโครงการปลูกป่าแล้วเสร็จจึงได้มีการสร้างพระตำหนักดอยตุง และมีโครงการอีกหลายๆ โครงการตามมาเพื่อสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่นจากเทือกเขาหัวโล้นกลับกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเชียงราย แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวดอยตุงเป็นจำนวนมาก  แหล่งท่องเที่ยวบนดอยตุงที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปเยี่ยมชมได้แก่  สวนแม่ฟ้าหลวง  พระตำหนักดอยตุง  พระธาตุดอยตุง  สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงดอยช้างมูบ

ไร่แม่ฟ้าหลวง  หรือสวนดอยตุง


เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวบนพื้นที่ 25 ไร่ อยู่ในแอ่งที่ราบด้านทิศเหนือของพระตำหนัก  สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี  กลางสวนมีประติมากรรมเด็กยืนต่อตัว งานประติมากรรมนี้ได้รับพระราชทานชื่อว่า " ความต่อเนื่อง "  นอกจากแปลงไม้ประทับกลางแจ้งแล้วยังมีโรงเรือนไม้ในร่ม จุดเด่นคือกล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่างๆ ที่มีดอกสวยงามมาก

พระตำหนักดอยตุง



เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า ปลูกแบบง่ายๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์  พระตำหนักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยมีโครงเหล็กอยู่ภายใน ไม้ในการสร้างเป็นไม้ลังใส่สินค้าที่การท่าเรือฯ คลองเตย ทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จย่า  เมื่อสร้างออกมาแล้วสวยงามยิ่งนัก รูปแบบการสร้างเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองสวิตเซอร์แลนด์  ที่เพดานห้องโถงทำเป็นเพดานดาว  บริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยืนออกไป เมื่อยืนที่ระเบียงจะเห็นทัศนียภาพของดอยตุงที่สวยงาม บริเวณขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอกที่มีสีสันสวยงาม  พระตำหนักเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม  โดยจะต้องมีมัคคุเทศก์ของพระตำหนักเป็นผู้นำเยี่ยมชม

4.สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยแม่โจ้


พ.ศ. ๒๔๖๐ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี สนาบดีกระทรวงธรรมการได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม ขึ้นที่บริเวณหอวัง หรือบ้านสวนหสวงสระประทุมบริเวณกรีฑาสถานแห่งชาติในปัจจุบัน เรียกว่า "โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมหอวัง" จึงเป็นจุดเริ่มแรกของฐานความคิด และกิจกรรมของรัฐด้านให้การศึกษาแผนใหม่ทางการเกษตร
พ.ศ. ๒๔๗๗ กระทรวงธรรมการได้จัดตั้งเป็น โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ โดยรับนักเรียนจากผู้ที่สำเร็จมัธยมปีที่ 6 หลักสูตรกำหนดเวลาเรียน 2 ปี โดยมีพระช่วงเกษตรศิลปการ ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าสถานีทดลองกสิกรรมภาคพายัพ ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์
พ.ศ. ๒๔๗๙ กระทรวงธรรมการได้จัดตั้ง "โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคเหนือขึ้น" โดยใช้สถานที่ร่วมกับโรงเรียนฝึกหัดครู ประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ โรงเรียนวิสามัญเกษตรกรรมที่ตั้งขึ้นใหม่นี้มีหลักสูตรเวลาเรียน 4 ปี โดยรับจากผู้ที่สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ 4โรงเรียนสามัญ เมื่อเรียนจบแล้ว กระทรวงธรรมการกำหนดให้มีวิทยฐานะ เทียบเท่าชั้นมัธยมปี่ที่
พ.ศ. ๒๔๘๑ กระทรวงธรรมการ ได้ยุบเลิกโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคใต้ ที่คอหงส์ จังหวัดสงขลา โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคกลาง  บางกอกน้อย ธนบุรี และโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคอีสาน ที่โนนวัด จังหวัดนครราชสีมา และโอนกิจการทั้งหมดของโรงเรียนเหล่านั้น มารวมกันที่มัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคเหนือที่แม่โจ้ เพียงแห่งเดียว ในปีเดียวกันนี้เอง ได้โอนกิจการจากกระทรวงธรรมการ ไปอยู่ในความดูแลของ กระทรวงเกษตราธิการ และเปลี่ยนเป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แม่โจ้ โดยได้รับผู้ที่สำเร็จ จากหลักสูตรมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม เพื่อเข้าศึกษาตามหลักสูตรอนุปริญญา เป็นเวลา 3 ปี ทางเกษตรศาสตร์ สหกรณ์และวนศาสตร์
พ.ศ. ๒๔๘๒ กระทรวงเกษตราธิการได้จัดตั้งวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขึ้นที่เกษตรกลาง บางเขน กรุงเทพฯ และที่แม่โจ้ให้เตรียม เป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลักสูตรเวลาเรียน 2 ปี โดยรับจากผู้สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ 6 สำเร็จจึงเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์บางเขนได้เลย
พ.ศ. ๒๔๘๖ เปลี่ยนเป็น "โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์" ทั้งนี้เพราะวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่บางเขน ได้รับการสถาปนาเป้นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
พ.ศ. ๒๔๙๑ กระทรวงเกษตราธิการได้โอนกิจการให้แก่กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการและเปลี่ยนเป็น "โรงเรียนเกษตร กรรมแม่โจ้" รับจากผู้สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ 6 (ม. 3 ปัจจุบัน) เข้าศึกษาต่ออีก 3 ปี สำเร็จแล้วได้รับประกาศนียบัตรอาชีวชั้นสูง แผนกเกษตรกรรม โยเริ่มดำเนินการรับนักเรียนประเภทนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2492 เป็นต้นมา
พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้รับการ "ยกฐานะเป็นวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่" และขยายหลักสูตรถึงประโยคครูมัธยมเกษตรกรรม(ปมก.)
พ.ศ. ๒๕๐๕ ย้ายกิจการฝึกหัดครูมัธยมเกษตรกรรม ไปเปิดดำเนินการที่วิทยาลัยเกษตรกรรมบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และ "เปิดหลักสูตรเทคนิคเกษตร" หรือ "ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงแผนกเกษตรกรรม" ขึ้นเป็นแห่งแรก
พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้รับการสถาปนาเป็น "สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร" โดยพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร พ.ศ. 2518

พ.ศ. ๒๕๒๕ เปลี่ยนชื่อจากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร เป็น "สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้" ตามประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า 4 เล่ม 99 ตอนที่ 15 ราชกิจจานุเบกษา 3 กุมภาพันธ์ 2525 เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้คือ เนื่องจาก วิทยาลัยเกษตรกรรม เชียงใหม่ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ทั้งประเทศ เนื่องจากมีนักศึกษาที่มาจากทุกภาคของประเทศ ได้เข้าไปศึกษา ณ สถาบันนี้ แต่เมื่อวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ ได้ยกฐานะขึ้นเป็น" สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร นามนี้จึงไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น

5.พระธาตุดอยสุเทพ


วัดพระธาตุดอยสุเทพ หรือ ที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า วัดดอยสุเทพ นั้น เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ ( สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๓ , ๐๕๑ ฟุต ) เลขที่ ๑๒๔ บ้านดอยสุเทพ หมู่ที่ ๙ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๓๖ ไร อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย ( ดูเพิ่มที่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย ) อนึ่ง วัดแห่งนี้สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

สร้างขึ้นเมื่อ พ . ศ . ๑๙๒๖ ในสมัยของพระญากือนามหาราชและได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ . ศ . ๒๐๑๐ โดยมีตำนานที่เล่าเกี่ยวกับวัดพระธาตุดอยสุเทพไว้ว่า ในสมัยพระญากือนา กษัตริย์องค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์มังราย ( ครองราชย์ พ . ศ . ๑๘๙๘ - ๑๙๒๘ ) ผู้ทรงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากได้โปรดให้สร้างพระเจดีย์บนดอยสุเทพ โดยทรงนิมนต์พระมหาสุมนเถระเจ้าจากเมืองสุโขทัยให้มาประกาศศาสนาที่เมือง เชียงใหม่ และในครั้งนั้น พระมหาสุมนเถระเจ้าได้นำเอาพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้ามาด้วย พระญากือนาเกิดความเลื่อมใสมาก จึงโปรดให้มีพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุเพื่อจะได้อัญเชิญไปบรรจุไว้ในสถูปเจดีย์ ของวัดบุปผาราม ในขณะที่กระทำพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุอยู่นั้นเอง พระบรมธาตุได้แยกออกเป็นสองส่วน พระญากือนากับพระมหาสวามีสุมนะจึงได้พร้อมใจกันทำพิธีบรรจุพระบรมธาตุองค์ ใหม่ไว้ที่วัดสวนดอก ส่วนพระบรมธาตุองค์เดิมนำไปประดิษฐานไว้ที่ดอยสุเทพ โดยเริ่มจากการอัญเชิญผอบพระบรมสารีริกธาตุขึ้นสถิตเหนือเศวตคชาธารช้างมงคล แล้ว อธิษฐานเสี่ยงช้างพระที่นั่งปล่อยไป หากพระบรมธาตุประสงค์จะสถิตอยู่ ณ ที่ใด ก็ขอให้ช้างมงคลหยุด ณ ที่แห่งนั้น และในระหว่างทางที่ช้างมงคลเดินทางไป ก็ได้หยุดเดินถึงสามครั้งทำให้เกิดชื่อของดอยช้างนูนและดอยงาม ครั้งที่สามซึ่งถือเป็นครั้งสำคัญ เนื่องจากช้างมงคลได้ไต่เขาไปจนถึงยอดดอยวาสุเทพบรรพตแล้วร้องเสียงดังจน ก้องสะท้านไปทั่วภูเขา เมื่อเดินประทักษิณ ๓ รอบแล้วจึงคุกเข่าหมอบลง และทันทีที่อาราธนาพระบรมธาตุลงจากหลังแล้ว ช้างมงคลนั้นล้มลงตายในทันที ซึ่งหมายความว่าจะไม่ยอมเป็นพาหนะของผู้ใดอีก

6.พระธาตุดอยอินทนนท์



ตั้งอยู่บนกม.ที่ 41.5 ทางด้านซ้ายมือ สร้างขึ้นโดยกองทัพกอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ. 2530 และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปีพ.ศ. 2535 พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือมีฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปบูชา รอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างสวยงาม